การรักตัวเองไม่ใช่การสปอยล์ตัวเอง
ไม่ใช่การทำให้ตัวเองรู้สึกดี
ไม่ใช่การทำให้ตัวเองดูดี
แล้วมันคืออะไร ไปดูกัน
ตัวร้ายของเรื่อง
ก่อนอื่น ขอแนะนำตัวร้ายของเรื่องก่อน ก็คือตัวเรานี่แหละครับ
เรามักจะคิดเอาว่า ร่างกายนี้เป็นของเรา อัตตาคือตัวข้า และจิตใจฉันคือถูกต้องเสมอ
จะขออธิบายรับใช้อย่างนี้ครับ
- ร่างกาย
จะเห็นได้ง่ายที่สุดว่าเราควบคุมไม่ได้ 100% ร่างกายนี้ขี้เกียจ อยากอยู่สบายๆ ไม่อยากต้องทำงานหนัก ถ้าเจ็บป่วยปกต้องรีบรักษาชั้นนะ ไม่งั้นที่เหลือจะเริ่มพังตามไปด้วย เอาแต่ใจที่สุดแล้วคนนี้
บางทีเหนื่อยล้าหรืออยากจะนอนเยอะๆขึ้นมา ก็จะพาลให้เราล้มเลิกแผนการนู่นนี่ เละเทะกันไป
- อัตตา
คนนี้พี่ใหญ่ คนนี้อยากให้เราดูดีเสมอ ผิดถูกไม่รู้แต่กูต้องดูดี องอาจสง่างาม มีอำนาจ มีบารมี มีคนคลานเข่าเข้ามาหา เสียหน้าไม่ได้ ยอมตายดีกว่าเสียศักดิ์ศรี ยอมเลิกกับคนรัก ยอมให้บ้านแตกได้ แต่ข้าจะลดตัวลงมาไม่ได้ คนนี้เลอะเทอะและน่ารักเกียจสุด
- จิตใจ
คนนี้ดูเผินๆเหมือนจะดี แต่จริงๆแล้วเฟอะฟะมาก บางทีเราก็ปล่อยให้ดูแลแทนตัวเราเองได้ แต่ทางที่ดีจับตาดูอยู่ตลอดดีกว่า เพราะเขาไม่ใช่ตัวเราจริงๆ บางทีไปฟังอันนี้มาก็เข้าท่า ไปฟังอีกอันนึงมาก็น่าสนใจ ตรรกะมันได้ มันเมคเซ้นส์ไปหมด - เมื่อปราศจากพระเอก จิตใจมันอ่อนไหวและอ่อนแอมากครับ
บางทีก็ถูกความต้องการทางร่างกายครอบงำ เช่น มีชุดตรรกะหลักการและเหตุผลเรียบร้อยว่าเราจะไดเอท จะงดข้าวเย็น พอเอาเข้าจริงๆไปเห็นคนเขากินกัน ก็หิวขึ้นมา ถึงตอนนี้จิตใจหาเหตุผลมาให้แล้ว เฮ้ย มื้อเดียวไม่เป็นไร วันนี้ทำงานหนักมาทั้งวัน พรุ่งนี้ยังมีค่อยเริ่มกันใหม่
พวกแก๊งเสพติด เช่น ช้อปอะฮอลิค, เวิร์คอะฮอลิค, แอลกอฮอลิค พวกนี้มีเหตุผลดีๆที่จะเสพติดกันทุกคนไม่ได้บอกว่าไม่เมคเซ้นต์นะ ผมเป็นมาหมดแล้วเหมือนกัน ถึงได้รู้ว่าทุกคนเขามีเหตุผลของเขา แต่สุดท้ายทุกคนเหมือนกันคือ ทำแล้วมันสบายใจ แค่ชั่วคราว แว๊บเดียวจริงๆก็ยังดี
ดังนั้น 3 คนนี้ คือตัวร้ายของเรา เวลาเราได้ยินว่า รักตัวเองดีกว่า! เราหันไปหา 3 คนนี้ก่อนเลยใช่ไหมครับ เช่น
- สปอยล์ตัวเองสิ เอาเงินไปเลี้ยงสาวทำไม อยากกินไรก็กิน อยากได้อะไรต้องได้ อยากขี้เกียจ อยากนอนตื่นสายๆ อยากซื้อกิน (ฤทธิ์จากร่างกายครอบงำ)
- ทำให้ตัวเองดูดีไว้ก่อน คนอื่นต้องเคารพ ต้องมีชื่อเสียง มีหน้ามีตา ผู้คนต้องเกรงใจ ต้องหาโอกาสได้หน้าเป็นพระเอกของงาน ต้องเถียงกันแล้วชนะ (ฤทธิ์จากอัตตาครอบงำ)
- ทำให้ตัวเองรู้สึกดีไว้ก่อน เช่น ท่องเที่ยวรอบโลก หาอาหารให้สมอง เข้าวัดปฏิบัติธรรม (ไม่ได้บอกว่าไม่ดีนะครับ มีอธิบายต่อย่อหน้าถัดไป) ศึกษาแนวคิดใหม่ๆ อ่านวรรณกรรมในตำนาน (ฤทธิ์จากจิตใจครอบงำ)
โน๊ตตัวใหญ่ๆ: จะเห็นว่าการรักตัวเองผ่านทางจิตใจ จะเป็นเรื่องดี ถ้าคุณรู้แน่ชัดว่าเป้าหมายในชีวิตของคุณคืออะไร และกิจกรรมที่จะทำเหล่านี้ ช่วยให้คุณเข้าถึงเป้าหมายนั้นมากขึ้นอย่างไร
หากปราศจากเป้าหมายที่แน่ชัดในชีวิต สิ่งเหล่านี้ไม่ต่างอะไรกับความบันเทิงรูปแบบหนึ่ง ที่เราเลือกมาปลอบประโลม (comfort) จิตใจของเราให้เบาสบาย ผ่อนคลาย และรู้สึกว่าตนได้ทำในสิ่งที่มีคุณค่าแล้ว แต่จริงๆแล้วเรายังอยู่ที่เดิมไม่ได้ไปไหนเลย และจะต้องกลับมาทำกิจกรรมเหล่านี้อีก เมื่อรู้สึกท้อแท้และเหนื่อยล้าในชีวิตอีกครั้ง
(ถ้าตรงนี้ชวนให้สับสน แจ้งผมนะครับ ผมจะพยายามให้มากกว่านี้)
อ่าว ถ้าทั้งหมดนี่ เป็นการรักตัวเองแบบไม่ถูกทาง แล้วเราควรจะใส่พลังไปที่ตรงไหน?
ถึงเวลาพระเอกเข้าฉากแล้วครับ
พระเอกของเรื่อง
สิ่งเดียวที่เป็นของคุณและไม่เคยทำให้คุณผิดหวังคือ สติ (Consciousness) ของคุณเอง
ถ้าคิดจะรักตัวเอง ตั้งสติให้ดีก่อนครับ ถามตัวเองก่อนว่า:
- เราเป็นใคร?
- เราอยู่ที่ไหน?
- ทำไมเรามาอยู่ที่จุดนี้?
- เราทำอะไรอยู่?
- เราจะไปไหน?
- ทำไมเราไม่รู้ว่าเราจะไปไหน?
- เราต้องการอะไรจากชีวิตนี้?
- หลังจากที่จากโลกนี้ไปแล้ว เราอยากให้ผู้คนพูดถึงเราว่าอย่างไร?
ล้อเล่นนะครับ นี่คือคำถามชุดใหญ่ของชีวิต บางคนใช้เวลา 2 ปี บางคน 5 บางคน 10 บางคนตลอดชีวิตก็ยังคิดไม่ออก แต่ที่น่าเสียดายที่สุด หลายคนไม่เคยคิดจะถามตัวเองเลย
สำหรับวันนี้ เพื่อที่จะกลับลำมารักตัวเองให้ถูกทาง เรามาตั้งคำถามตัวเองกันว่า:
1 ปีหลังจากนี้เราจะหันมามองตัวเองและจะรู้สึกภูมิใจ เราคนนั้นเป็นคนแบบไหนกัน
เอาแค่นี้ก่อนครับ
เมื่อคุณตอบได้แล้ว สติของคุณจะช่วยพิจารณาว่ากิจกรรมที่เลือกจะลงทุนทำ มันช่วยให้คุณกลายเป็นคนนั้นมากขึ้นหรือไม่
สติของคุณ จะช่วยแยกการครอบงำในตัวคุณจากฤทธิ์ของ ร่างกาย อัตตา และ จิตใจ ออกมา นั่นแปลว่าคุณจะควบคุม 3 ตัวร้ายนี้ได้ดีขึ้นด้วย
นี่เป็นการรักตัวเองอย่างถูกทาง รักตัวเองทั้งชีวิต ไม่ใช่แค่ประเดี๋ยวประด๋าว
นี่คือการให้เกียรติและเคารพตัวคุณเองอย่างสูงที่สุด
สรุป
การสปอยล์ตัวเองในทุกช่องทาง ไม่ใช่การรักตัวเอง (ออกไปแนวทำลายตัวเองมากกว่าด้วยซ้ำ)
การรักตัวเองให้ถูกทาง เริ่มที่การถามตัวเองว่า "1 ปีหลังจากนี้เราจะหันมามองตัวเองและจะรู้สึกภูมิใจ เราคนนั้นเป็นคนแบบไหนกัน"
ใช้สติไตร่ตรองว่า ถ้าเราจะเป็นคนคนนั้นให้ได้ จะต้องทำอะไรบ้าง
ลงทุนทำให้สิ่งเหล่านั้นเท่านั้น ไม่มีวอกแวก
หากคุณทำได้แบบนี้ รังสีความรักตัวเองของคุณ(ในแบบที่ถูกต้อง)จะแผ่ออกมา และจะมีแต่คนที่อยากอยู่ใกล้ๆคุณครับ
Be a REAL MAN