top of page
รูปภาพนักเขียนกูรู จอน สโนว์

รักษาความสัมพันธ์ให้ยั่งยืน ทำอย่างไร?

อัปเดตเมื่อ 20 พ.ย. 2564

เพราะสุดท้ายแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดในการมีชีวิต คือ "ความสัมพันธ์ที่ดีกับคนรอบตัว" ไม่ใช่ เงิน ความมีหน้ามีตา ชื่อเสียง หรือ ยศถาบรรดาศักดิ์


เชื่อว่าหลายคนคงเคยได้ยินและรู้จักงานวิจัยที่ใช้เวลายาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษย์ชิ้นนี้กันมาแล้ว มันเป็นงานวิจัยที่กินเวลาถึง 75 ปี เริ่มด้วยกลุ่มตัวอย่าง 724 คน ตอนท้ายตายกันหมดเหลือแค่ 60 กว่าคน นั่นคือ งานวิจัย Harvard Study of Adult Development จากนั้น เขาก็ศึกษาจากผู้ที่ผ่านชีวิตมาแล้วเกือบทั้งชีวิตเหล่านั้น ว่าพวกเขาค้นพบอะไรกันบ้าง


ในบทความนี้คงไม่ขอยกทั้งงานวิจัยมาเล่ากัน เพราะคุณสุภาพบุรุษทั้งหลายคงหาได้จากแหล่งอื่น ๆ ได้ไม่ยาก แต่หากใครยังไม่เคยได้ยิน หรือยังอยากฟังผลงานวิจัยแบบเร็ว ๆ ตามไปดูกันได้ที่ TED Talk: What makes a good life? นี้เลยครับ


ส่วนที่เราจะหยิบมาคุยกันจากงานวิจัยชิ้นนี้ คงไม่พ้นเนื้อหาส่วนที่สำคัญที่สุดของมัน ส่วนที่สอนเราว่า สุดท้ายแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดในการมีชีวิต คือ "ความสัมพันธ์ที่ดีกับคนรอบตัว" ไม่ใช่ เงิน ความมีหน้ามีตา ชื่อเสียง หรือ ยศถาบรรดาศักดิ์ อย่างที่เราวิ่งไล่ตามกันอยู่ทุกวันนี้


คุณภาพความสัมพันธ์ที่ดีกับคนรอบตัว เป็นสิ่งที่ REAL MAN ให้ความสำคัญเป็นลำดับต้น ๆ มาตลอดเช่นกัน ดังนั้น วันนี้เราจะมาคุยเจาะจงกันลงไปว่า ถ้าคนรอบตัวคนนั้นคือคนรักล่ะ คุณจะสามารถรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับคนรักของคุณได้อย่างไร


ประโยชน์ของการมีความสัมพันธ์ที่ยั่งยืน

เริ่มในมุมแบบเห็นแก่ตัวก่อนเลยแล้วกัน การมีความสัมพันธ์ที่ดีและยั่งยืนจะช่วยให้คุณแฮปปี้ จิตใจแจ่มใส สุขภาพดี แข็งแรง และมีอายุที่ยืนยาว นอกจากนั้น ความสัมพันธ์ที่ดี ยังช่วยทำให้มีความทรงจำที่ดี และสมองยังคงทำงานของมันได้ดีกว่า


หากคุณเป็นคนมองการณ์ไกลซะหน่อย คุณอาจจะคิดไปถึงผลร้ายของการมีความสัมพันธ์ในชีวิตคู่ที่ไม่ดี ซึ่งนักจิตวิทยาคุณ Sarah Schewitz พบว่าผู้ชายที่มีชีวิตคู่ที่ล้มเหลวมักจะซึมเศร้า จิตตก มีแนวโน้มที่จะติดเหล้า สารเสพติด หรือการพนัน แย่ไปกว่านั้น ความล้มเหลวในความสัมพันธ์กับคนรักจะฝังใจและส่งผลให้ชายคนนั้นมองว่าตัวเองเป็นบุคคลล้มเหลวในชีวิต


นั่นคือ หากมองการรักษาความสัมพันธ์เป็นการลงทุน ต้องบอกว่ามันคือการลงทุนที่ฉลาดที่สุด เพราะมันมีแต่จะได้ ไม่มีทางล้มละลาย และคุณจะได้อยู่ผลตอบแทนจากการลงทุนนี้ไปตลอดชีวิตด้วย


ทำไมความสัมพันธ์ที่ดีต้องออกแรงรักษา?

สมองของเราเป็นของเราคนเดียว เวลาที่คุณประสบกับอะไรมาและสมองคุณเริ่มทำงาน มีคุณอยู่คนเดียวที่รู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นในสมองของคุณบ้าง; เกิดการรับรู้และตระหนักอะไรบ้าง เกิดการประมวลผลอะไรบ้าง ออกมาเป็นคำอธิบายทางตรรกะหรือทางอารมณ์อะไรบ้าง คุณเลือกที่จะจำท่อนไหนและลืมท่อนไหนบ้าง มีคุณคนเดียวที่รู้


สมองของคนรักของคุณก็ทำงานไม่ต่างกัน เธอรับรู้ ตระหนัก ประมวลผล และได้ผลจากการประมวลต่างกันออกไป เราจึงจำเป็นต้องสื่อสารเพื่อรับรู้กันและกันเสมอว่าใครคิดอย่างไรกับเรื่องไหน เพื่อให้เรารับรู้ตรงกัน


คุณไม่จำเป็นต้องเห็นตรงกันกับคู่รักของคุณไปซะทุกเรื่อง มันไม่ดีกับสุขภาพชีวิตคู่ด้วยซ้ำ คุณไม่ต้องเออออหากไม่เห็นด้วย และในทางตรงข้าม ไม่ต้องพยายามดีเบต, โต้เถียง, หรือโน้มน้าว ว่าความคิดของคุณต่างหากที่ถูกต้อง ทุกคนมีอิสระที่จะคิดและเชื่อในสิ่งที่ตัวเองสบายใจ เราต้องเคารพในความเป็นมนุษย์ของกันและกัน


จะเห็นว่า แม้อยู่ด้วยกันตลอดเวลา ก็จะมีหลายครั้งหลายคราวที่เราอาจเข้าใจไม่ตรงกัน หรือคาดหวังอะไรแตกต่างกันออกไป การปล่อยให้ความคาดหวังของทุกฝ่ายกระจัดกระจายของไปคนละทิศละทางโดยไม่มีการจัดการที่ดี จะทำให้เกิดความขัดแย้งและกลายเป็นความบาดหมางขึ้นมาได้ - นั่นเป็นสิ่งท้าย ๆ ที่คุณอยากให้เกิดขึ้นในความสัมพันธ์ฉันท์คู่รักของคุณ


ความสัมพันธ์ที่ดีและยั่งยืน จึงจำเป็นต้องออกแรงรักษามันให้ดีอยู่เสมอ มันไม่ใช่เกมส์ที่คุณจะชนะ หรือเธอจะชนะ มันเป็นเกมส์ที่ทุกคนมีเป้าหมายเดียวกัน คือการอยู่ต่อไปในเกมส์ให้ได้นานที่สุด และอยู่กันแบบแฮปปี้ด้วย


ทำอย่างไรให้ความสัมพันธ์ยั่งยืน?

เทคนิคการรักษาความสัมพันธ์ให้ยั่งยืนมีหลากหลายมากมายกว่าที่คุณคิด ในที่นี้ เราจะขมวดออกมาเหลือแค่ 5 ข้อเพื่อให้คุณสามารถจำและนำไปใช้ได้ทันที


1. อย่าคิดว่าเธอเป็นของตาย หมั่นเอาใจและคอยจีบกันอยู่เสมอ

ไม่ว่ารูปแบบความสัมพันธ์ที่คุณมีจะอยู่ในฐานะแฟน หรือแต่งงานกันแล้ว หรือแต่งกันมาเป็นสิบปี มีลูกด้วยกันแล้ว สิ่งหนึ่งที่ไม่ควรเปลี่ยนไป คือคุณยังคงต้องหมั่นจีบคนรักของคุณอยู่เสมอ เพื่อให้ทั้งคุณและเธอไม่ลืมว่าคุณเคยและยังคงหลงรักเธอเพียงใด


ไม่จำเป็นต้องหวานจ๋อยมดไต่เหมือนสมัยเจอกันใหม่ ๆ แค่ หยอดคำหวานใส่กันบ้าง "เย็นนี้เจอกันนะที่รัก" หรือ "ผมชอบเวลาที่เราได้อยู่ด้วยกันมากที่สุด" หรือ "คุณเลือกเถอะ ผมทานอะไรก็ได้ แค่ได้ทานกับคุณก็พอ" ประมาณแค่นี้ แต่มาอย่างสม่ำเสมอก็เพียงพอ


หากการชวนกันไปดูหนังเป็นกิจวัตรปกติของคู่คุณอยู่แล้ว แต่คุณก็สามารถทำให้มันตื่นเต้นขึ้นมาได้ซักหน่อย บอกเธอว่าวันนี้ผมจะชวนคุณออกเดทนะ แค่นี้ คุณก็เปลี่ยนนัดดูหนังธรรมดา ๆ ให้กลายเป็นนัดเดท ที่ทำให้ชีวิตคู่ของคุณสดชื่นขึ้นมาอีกนิดได้แล้ว


2. คนรักของคุณมาก่อนเสมอ

ทุกคนมีพลังงานและเวลาเป็นทรัพยากรพื้นฐาน ที่เหลือคือเราวางแผนว่าจะใช้มันไปกับอะไร จงลงทุนทรัพยากรนี้ในคนรักของคุณก่อนเสมอ เมื่อทั้งคุณและเธอโฟกัสกับการให้แก่กันและกัน มากกว่าการรอหรือเรียกร้องว่าจะได้รับอะไรจากความสัมพันธ์นี้ คุณทั้งคู่จะได้รับการดูแลอย่างดีและทั้งคู่จะรู้สึกว่าตัวเองมีความสำคัญสูงสุด


เราเกิดมาในยุคที่มี Google Calendar แค่สร้าง shared calendar ขึ้นมา 1 อันสำหรับคู่ของคุณ และใส่นัดหมายหรือวันที่สำคัญของทั้งคู่ลงไป เช่น ไปทานข้าววันเกิดแม่ของเธอ, นัดเดทดูหนังเสาร์หน้า, หมอนัด, หรืออะไรก็ตามลงไป เพื่อที่คุณจะได้วางแผนและดูแลเธอได้อย่างไม่ตกหล่น อย่าลืมใส่อาเจนด้าของคุณเองลงไปด้วย เธอจะได้รู้ว่าวันไหนเวลาไหนคุณเองก็มีธุระของคุณเองด้วยเหมือนกัน


3. ตั้งใจฟัง ก่อนที่จะพูด

คุณ Sarah Schewitz ได้ชี้ไว้ว่า สิ่งที่สร้างรอยร้าวในชีวิตคู่ได้มากที่สุดอย่างหนึ่งคือ ในชีวิตคู่ ทั้งสองฝ่ายเชื่อว่าตัวเองมีสิทธิ์ที่จะพูดอะไรก็ได้ ดังนั้น เมื่อฝ่ายหนึ่งเริ่มพูด อีกฝ่ายมักจะไม่ฟัง แค่รอให้ฝ่ายนั้นพูดจบ เพื่อที่ตัวเองจะได้พูดในสิ่งที่ตัวเองเชื่อบ้าง จากนั้นก็จะเริ่มทะเลาะกัน - นี่ไม่ใช่การสื่อสาร นี่คือสงคราม


ตั้งใจฟังให้ดี ว่าเธอพยายามจะบอกอะไร ผู้หญิงไม่น้อยพูดเก่ง แต่จับใจความไม่ได้ เพราะความคิดในหัวของพวกเธอไม่ได้เรียงตัวเป็นเส้นตรง ดังนั้น เวลาถ่ายทอดออกมา อาจจะฟังเข้าใจยาก สิ่งที่คุณต้องทำคือตั้งใจฟัง พยายามเรียบเรียงมันด้วยตัวเอง จากนั้นหาจังหวะถามเธอกลับไป ว่าเรื่องเป็นแบบนี้ ๆ ใช่ไหม การทำแบบนี้คุณได้ประโยชน์ 2 อย่าง 1) คุณได้เช็คความเข้าใจ ว่าตัวเองเข้าใจถูกไหม 2) เธอรับรู้ว่าคุณตั้งใจฟังอยู่จริง ๆ


การรักษาความสัมพันธ์ให้ยั่งยืนและมีสุขภาพดี เริ่มได้ง่าย ๆ จากการตั้งใจฟังครับ


4. ให้ความสำคัญสูงสุดกับการมีช่วงเวลาที่ได้อยู่ด้วยกัน

จะว่าต่อเนื่องจากข้อ 1 ก็ได้ คือจงให้เวลาและความสำคัญกับชีวิตคู่ในระดับ first priority อย่าให้มีอะไรมาเบนความสนใจในกันและกัน; ลูก มือถือ งาน วางไว้ก่อน ขอเวลาซักพักนั่งมองตากัน แสดงความซาบซึ้งที่ได้มีกันและกันในชีวิต หรือไม่ก็ขำกันให้ตกเก้าอี้ไปเลย


หาวันที่ทั้งคู่สะดวก แค่สัปดาห์ละ 1 คืน จองให้เป็นเดทไนต์ของคุณไปซะ ใส่ shared calendar ไว้เลย และอย่าให้มีอะไรมาขั้นระหว่างคุณสองคน จงให้เวลากับการอยู่ด้วยกัน มองตากัน คุยกันเรื่องที่มีและไม่มีสาระ ปล่อยมุข หยอกล้อ หากคุณสองคนได้ connect กันแบบนี้อย่างสม่ำเสมอ ความสัมพันธ์ของชีวิตคู่รักของคุณย่อมมีสุขภาพดีและยั่งยืน


5. คุยกันอย่างน้อย 30 นาที ทุกวัน

แม้คุณจะมีเดทไนต์อยู่แล้วสัปดาห์ละครั้ง แต่ระหว่างนั้นคุณก็ควรมีเวลาให้ทั้งคู่ได้พูดคุยกันอย่างน้อย 30 นาทีต่อวัน เพื่อที่จะได้ตามกันทันอยู่เสมอว่ามีอะไรเกิดขึ้นในหัวของแต่ละฝ่ายบ้าง


หากเจอกันไม่ได้ ขอให้โทรไป หากโทรไปไม่ได้ ขอให้ทักแชทไป หากยังทำไม่ได้อีก คุณควรหยุดถามตัวเองก่อนว่าพร้อมที่จะมีคู่ พร้อมที่จะมีความสัมพันธ์จริง ๆ หรือเปล่า ก่อนที่จะถามว่าจะรักษาให้ความสัมพันธ์ยั่งยืนได้อย่างไร

 

ขอให้สนุกกับการรักษาความสัมพันธ์ให้ยั่งยืนกันนะครับ


Be A REAL MAN


#รักษาความสัมพันธ์ #คู่รัก #จิตวิทยา #ชีวิตคู่

Comments


bottom of page